ปฏิเสธไม่ได้ว่า คนไทยยังให้ความสำคัญกับการติดฟิล์มรถยนต์เป็นอย่างมาก ด้วยสภาพอากาศบ้านเราที่ออกจะแดดแรงตลอดปี ไม่ว่าจะซีซั่นไหน ENNXO รวมคำถามที่หลายคนคาใจ อาทิ ฟิล์มติดรถยนต์ยี่ห้อไหนดีปี 2567 ติดฟิล์มเซรามิกดีไหม? ฟิล์มติดรถยนต์ 3M ดีไหม? รวมถึงแนะนำ 5 ฟิล์มติดรถยนต์ขายดีที่มาแรงไม่มีแผ่วมาแนะนำ เพราะหลายคนใช้แล้วพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "เย็นจริงรถฉ่ำมาก"
ฟิล์มรถยนต์ คืออะไร?
ในการติดฟิล์มรถยนต์ นั้น ฟิล์มรถยนต์ จะผลิตจาก ‘พลาสติกโพลีเอสเตอร์’ ที่มีคุณสมบัติเหนียว บาง เรียบ ใส กลมกลืนกับกระจก มีความยืดหยุ่นน้อย ไม่ดูดซับความชื้น และทนต่อสภาพอากาศได้อย่างดี โดยฟิล์มกรองแสงจะมีส่วนประกอบของวัสดุเคลือบต่างๆ เพื่อช่วยป้องกันความร้อนและรังสียูวีในแสงแดด ทำหน้าที่เคลือบเป็นชั้นๆ แล้วผสานกันด้วยกาวชนิดพิเศษที่มีสีใส เพื่อเพิ่มการยึดเกาะกับกระจกรถให้เหนียวแน่นและทำให้มองทะลุผ่านได้อย่างชัดเจนและสบายตา
ติดฟิล์มรถยนต์ เท่าไหร่ดี
หลายคนอาจจะสงสัยว่า ใช้ฟิล์มติดรถยนต์กี่เปอร์เซ็นต์ดี โดยสำหรับวิธีเลือกความเข้มของฟิล์มติดรถยนต์นั้น ฟิล์มรถยนต์มีความเข้มให้เลือกหลายระดับ บ่งบอกถึงปริมาณของแสงแดดที่จะส่องเข้ามาภายในห้องโดยสาร แบ่งออกเป็นเปอร์เซ็นต์ ซึ่งการจะเลือกฟิล์มติดรถยนต์ให้เหมาะสม คุณต้องรู้ถึงความเข้มของฟิล์มติดรถยนต์เป็นสำคัญ ได้แก่
ฟิล์มติดรถยนต์ 40%
คือฟิล์มติดรถยนต์ที่แสงสามารถส่องผ่านได้มาก ตัวฟิล์มจะมีความใส ไม่ทึบจนเกินไป มองเห็นได้ชัดเจนทั้งกลางวันและกลางคืน
ฟิล์มติดรถยนต์ 60%
คือฟิล์มติดรถยนต์ความเข้มปานกลาง ให้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และยังพอได้ชัดในเวลากลางคืน
ฟิล์มติดรถยนต์ 80%
คือฟิล์มติดรถยนต์ความเข้มสูง แสงส่องผ่านได้น้อย ให้ความเป็นส่วนตัว โดยส่วนใหญ่นิยมติดที่กระจกประตูทั้ง 4 บาน แต่ไม่นิยมติดที่กระจกหน้าและหลัง เนื่องจากความเข้มสูงทำให้การมองเห็นไม่ดีในเวลากลางคืน
Note: เทคนิกเลือกความเข้มของฟิล์มกรองแสงรถยนต์ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์คือ ติดฟิล์มรถยนต์ 40:60 เป็นการติดฟิล์มที่กระจกบานหน้าและหลัง 40% รอบคัน 60% เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบทัศนวิสัยการมองเห็นที่เคลียร์ชัด หรือขับรถในเวลากลางคืนเป็นประจำ และ ติดฟิล์มรถยนต์ 60:80 เป็นการติดฟิล์มที่กระจกบานหน้าและหลัง 60% รอบคัน 80%เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว หรือขับรถในช่วงเวลากลางวันเป็นหลัก
ฟิล์มติดรถยนต์ มีกี่ประเภท
ปัจจุบันมีฟิล์มติดรถยนต์ให้เลือกมากมายหลายแบบและหลายยี่ห้อ ซึ่งแต่ละแบรนด์ต่างก็มีคุณสมบัติเด่นและราคาที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับเกรดของฟิล์ม วัสดุ และขนาดของตัวรถ โดยแบ่งออกเป็น 5 ประเภทหลัก ได้แก่
- ฟิล์มรถยนต์ทั่วไป (Dyed Window Tints)
ฟิล์มติดรถยนต์แบบนี้สามารถป้องกันรังสียูวีได้ดีในระดับหนึ่ง มีคุณสมบัติช่วยสะท้อนแสงจากภายนอกและลดปริมาณความร้อนสะสมได้เล็กน้อย อายุการใช้งานไม่ยาวนานเท่าไหร่ และมีราคาประหยัดกว่าฟิล์มติดรถยนต์แบบอื่นๆ
- ฟิล์มรถยนต์แบบปรอท (Metallized Window Tints)
ฟิล์มติดรถยนต์ที่มีลักษณะเงา วาว ป้องกันรังสี UV และสะท้อนความร้อนได้ดี ตัวฟิล์มถูกย้อมด้วยสีที่มีส่วนผสมของโลหะที่จะฝังอยู่ในชั้นของฟิล์ม ช่วยป้องกันรอยขีดข่วนได้ แต่ฟิล์มชนิดนี้อาจทำให้อุปกรณ์ GPS หรือ Easy Pass ใช้งานได้ไม่สะดวกเท่าที่ควร
- ฟิล์มรถยนต์แบบไฮบริด (Hybrid Window Tints)
ฟิล์มติดรถยนต์ที่ผสมผสานระหว่างฟิล์มย้อมสีและฟิล์มที่มีส่วนผสมของโลหะในชั้นฟิล์ม มีคุณสมบัติกรองแสงได้ดี สีไม่ซีด และสามารถป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี มีราคาค่อนข้างสูง
- ฟิล์มรถยนต์แบบคาร์บอน (Carbon Window Tints)
ฟิล์มติดรถยนต์ที่มีพื้นผิวด้าน ภายในเนื้อฟิล์มมีส่วนผสมของอนุภาคคาร์บอนสะท้อนแสงพิเศษ ให้คุณสมบัติสะท้อนความร้อนได้ดี มีความทนทานสูง สามารถกักเก็บความร้อนได้ดี
- ฟิล์มเซรามิก (Ceramic Window Tints)
ฟิล์มติดรถยนต์ที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน มีคุณสมบัติป้องกันแสงแดด ความร้อน และรังสียูวีได้ดี สามารถลดความร้อนได้สูงถึง 99% แล้วยังมีความแข็งแรง ทนทาน ราคาค่อนข้างสูงกว่าฟิล์มชนิดอื่นๆ
ติดฟิล์มรถยนต์เข้มเกินไป ผิดกฎหมายหรือไม่?
ประเทศไทยได้ยกเลิกใช้กฎหมายการติดฟิล์มกรองแสงเข้มหรือทึบเกินไป ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 เว้นแต่การห้ามติดฟิล์มรถยนต์แบบปรอท แม้ตัวฟิล์มจะมีคุณสมบัติสะท้อนแสงได้ดี แต่ด้วยความที่มีลักษณะเป็นสีเงิน เพราะการเคลือบปรอททำให้เหมือนกระจกเงาสะท้อนแสง ทำให้เกิดแสงแยงตาส่งผลกระทบ หรือสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้รถยนต์คันอื่นบนท้องถนน
การติดฟิล์มแบบปรอทเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 12 รถใดที่จดทะเบียนแล้ว หากปรากฏในภายหลังว่ารถนั้นมีเครื่องอุปกรณ์สำหรับรถไม่ครบถ้วนถูกต้องตามที่กฎในกระทรวง หรือเพิ่มสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้าไปซึ่งก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายของผู้อื่น ห้ามมิให้ผู้ใดใช้รถนั้นจนกว่าจะจัดให้มีครบถ้วนถูกต้องหรือเอาออกแล้ว
Note: หากรถยนต์คันใดฝ่าฝืนติดฟิล์มปรอทมีโทษตามมาตรา 60 “ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 12 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท”
ติดฟิล์มรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี 2567
เหตุเพราะบ้านเราเป็นเมืองร้อนและแสงแดดแรงจัดแทบจะตลอดวัน ฟิล์มติดรถยนต์จึงเป็นองค์ประกอบหลักสำหรับรถยนต์ทุกคัน ที่หลายคนมักจะให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นเสมอ มาดูกันว่า ฟิล์มติดรถยนต์ยี่ห้อไหนดีปี 2567 ที่ช่างแนะนำ แล้วยังเป็นฟิล์มติดรถยนต์ติดอันดับ Best Seller อย่างต่อเนื่อง
1.ฟิล์มติดรถยนต์ Lamina รุ่น Cera Matrix
ฟิล์มกรองแสงเซรามิกที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสียูวีสูงที่สุดของ Lamina ให้ความเป็นส่วนตัวได้อย่างดี มี Digital Boost เหมาะสำหรับรถรุ่นใหม่ รถไฟฟ้า และรถไฮบริด ช่วยให้ระบบสั่งการผ่านสัญญาณดิจิทัลลื่นไหลไม่มีสะดุด
ติดฟิล์มรถยนต์ราคา : รอบคันประมาณ 22,500 – 34,000 บาท
2.ฟิล์มติดรถยนต์ 3M รุ่น Crystalline
ฟิล์มติดรถยนต์ชื่อดังจากอเมริกา Crystalline เป็นฟิล์มแบบนาโน ที่โดดเด่นเรื่องฟิล์มใสแต่ป้องกันความร้อนสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถป้องกันรังสี UV ได้ถึง 99% และป้องกันความร้อนจากรังสีอินฟราเรดสูงสุด 97% เนื้อฟิล์มคมชัด เคลียร์ ขับสบายแม้เส้นทางที่มีแสงน้อย แถมยังสะท้อนแสงน้อยและไม่มีส่วนผสมของโลหะ
ติดฟิล์มรถยนต์ราคา : รอบคันประมาณ 18,000 – 27,500 บาท
3.ติดฟิล์มเซรามิก Hi-Kool รุ่น Beyond Ceramic Series
ฟิล์มเซรามิกเพิ่มชั้นโลหะ Metallized Ceramic ช่วยให้การลดความร้อนและกันรังสีอินฟราเรดได้ถึง 99% แต่มีค่าการสะท้อนแสงมากกว่าฟิล์มเซรามิกเจ้าอื่น Hi-Kool เป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูงในบ้านเรา ขึ้นชื่อเรื่องประสิทธิภาพในการป้องกันความร้อนดีเยี่ยม ในราคาจับต้องได้
ติดฟิล์มรถยนต์ราคา : รอบคันประมาณ 16,000 – 19,500 บาท
4.ฟิล์มติดรถยนต์ V-Kool รุ่น VK series
ฟิล์มติดรถยนต์ที่มีชื่อเสียงมายาวนานในบ้านเรา เพราะเป็นฟิล์มกรองแสงแบบใสที่ป้องกันความร้อนสูงได้อย่างดีเยี่ยม ผลิตจากบริษัท Eastman Chemical จากอเมริกา VK series เป็นฟิล์มกรองแสงที่มีส่วนผสมของทองคำ และเงิน จึงไม่อมความร้อนเหมือนฟิล์มเซรามิกทั่วไป สามารถป้องกันความร้อนได้ 99% และป้องกันรังสี UV สูงสุด 99%
ติดฟิล์มรถยนต์ราคา : รอบคันประมาณ 34,000 – 42,500 บาท
5.ติดฟิล์มรถยนต์ Solar Gard รุ่น LX series
ฟิล์มกรองแสงชื่อดังระดับโลกนำเข้ามาจากอเมริกา โดยรุ่นยอดนิยมที่จัดเป็นตัวท้อปอย่าง LX Series เป็นฟิล์มฉาบโลหะที่มีการทับซ้อนประจุโลหะ 9 ชั้น จึงป้องกันรังสีอินฟราเรดได้มากถึง 97% และป้องกันรังสียูวีได้ 99% สามารถสะท้อนความร้อนออกจากรถยนต์ได้ดีเยี่ยม และไม่อมความร้อนอยู่ในเนื้อฟิล์ม
ติดฟิล์มรถยนต์ราคา : รอบคันประมาณ 28,000 – 42,000 บาท